ข้าวโป่งขนมทางวัฒนธรรม
วิภาวดี มูลไชยสุข
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์
คำสำคัญ: ข้าวโป่ง
, ขนมทางวัฒนธรรม,ขนมพื้นบ้านอีสาน,ภูมิปัญญาการดูแลสุขภาพ
![]() |

ในบุญเดือนสี่ บุญข้าวจี่ ชาวบ้านยังได้ถวายข้าวจี่ ข้าวโป่งแด่ พระสงฆ์ เพื่อแสดงถึงความเคารพ จากนั้นนำขนมบางส่วนไปใส่ในกระทงใบตองแล้วนำไปวางไว้ที่หน้าธาตุบรรจุกระดูกของญาติที่ล่วงลับไปแล้วเพื่อให้ได้รับประทาน และยังมีการนำไปเป็นเครื่องถวายทานด้วยในบุญผะเหวดในทางภาคอีสาน โดยจะย่างข้าวโป่งเพื่อใส่ในกันหลอนและถวายเป็นคายเทศ อีกทั้งเป็นการสร้างความรักความสามัคคีในชุมชน เป็นขนมแจกจ่ายให้เด็กๆ คนเฒ่าคนแก่ได้มีกิจกรรมทำยามว่าง เป็นการแสดงให้เห็นคุณค่าและประโยชน์ของ “ข้าว” ตามแบบวิถีความเรียบง่ายของคนทางภาคอีสาน
การทำข้าวโป่งในสมัยก่อนเป็นเรื่องที่ต้องพิถีพิถันมาก
คนโบราณถือว่าคนที่จะทำข้าวโป่งสวย
ไม่มีที่ติ จะต้องเป็นช่างข้าวโป่งโดยเฉพาะ ถึงแม้ว่าจะทำกินก็ตาม
ให้ยกย่องช่างข้าวโป่งเหมือนกับช่างแขนงอื่นๆ เช่น ช่างไม้ ช่างทอง เป็นต้น
ตามประวัติความเป็นมา
ในการทำข้าวโป่งนั้นไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่ามีการทำตั้งแต่สมัยใด แต่สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นในช่วงกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นการทำเริ่มจากนำเหนียวที่นึ่งสุกแล้วไปตำให้ละเอียดด้วยครกกระเดื่อง
ภาษาอีสานเรียกว่า “ครกมอง”เป็นครกตำข้าวที่มีพัฒนาการจากครกมือ
ซึ่งสามารถตำข้าวได้ปริมาณมากอีกทั้งยังทุ่นแรงในการตำข้าวเหนียวที่นึ่งสุกแล้วให้ละเอียดยากกว่าการตำข้าวเปลือกเพราะเวลานำข้าวโป่งไปปิ้งจะได้แผ่นข้าวโป่งที่สวยงามจึงต้องมีความอดทนอย่างยิ่งเพราะกว่าข้าวโป่งจะละเอียดได้ที่
ต้องใช้เวลาในการตำนาน เมื่อละเอียดแล้วจะเอาใบ "ตดหมูตดหมา" บางถิ่นเรียกเครือตดหมูตดหมา หรือย่านพาโหมขยี้กับน้ำแล้วสลัดใส่ครกผสมกับข้าวเหนี่ยวที่ตำเพื่อให้ข้าวเหนียวจับตัวกันดีและนำเอาน้ำอ้อยตำผสมจนเหนียวได้ที่
แล้วปั้นข้าวเหนียวเป็นก้อนผสมกับไข่แดง กดก้อนข้าวเหนียวที่ปั้นให้เป็นแผ่นบางๆ
ตากแดดให้แห้ง เมื่อจะรับประทานต้องเอามาปิ้งให้สุก

- ข้าวโป่งยังถือได้ว่าเป็นภูมิปัญญาอันชาญฉลาดในการดูแลสุขภาพของคนโบราณ ที่รู้จักนำสมุนไพรที่มีสรรพคุณที่เป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงกำลัง ใช้เป็นยาถอนพิษจากอาหาร แก้ท้องอืด ขับลมในลำไส้ บำรุงธาตุ แก้เจ็บท้อง จุกเสียด แน่นท้อง แก้โรคตานขโมย แก้ไข้ ตัวร้อน ไข้จับสั่น อย่างสมุนไพร“ตดหมูตดหมา” ซึ่งมีกลิ่นเหม็นเขียวและมีรสขมแต่มีสรรพคุณทางยามากมายซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะรับประทานโดยตรงสำหรับเด็กๆและคนเฒ่าคนแก่ คนโบราณจึงนำมาประยุกต์เป็นส่วนประกอบในการทำขนมข้าวโป่งทำให้ทานได้ง่ายและทานได้ทุกเพศทุกวัย จนกลายเป็นขนมทางวัฒนธรรมทางภาคอีสานเป็นการดูแลสุขภาพของคนในชุมชนตามภูมิปัญญาแบบธรรมชาติบำบัดผสมผสานกับวิถีชีวิตทางวัฒนธรรมของคนโบราณมีคุณค่าและเป็นประโยชน์กับสังคม
- ปัจจุบันข้าวโป่งหาทานได้ยากเป็นขนมที่ชุมขนทำขายเฉพาะในกิจกรรมสำคัญของชุมชน แต่ก็ยังมีบางชุมชนผลิตเพื่อการจำหน่ายอยู่บ้างไม่มากนัก ควรมีการส่งเสริมรักษาภูมิปัญญามรดกทางวัฒนธรรมนี้ไว้ภาพที่เห็นเป็นกิจกรรมของการต้อนรับนักแสดงศิลปะพื้นบ้านนานาชาติที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ได้นำนักแสดงกว่า ยี่สิบประเทศออกแสดงโชว์ให้กับชุมชนได้ชม ซึ่งทางชุมชนได้นำข้าวโป่งมาเผยแพร่จำหน่ายราคาแผ่นละห้าบาท ราคาถูกกว่าขนมสมัยใหม่บางชนิด และทรงคุณค่าเด็กๆน้องๆนักเรียน นักศึกษาและแม้แต่ชาวต่างชาติก็ให้ความสนใจมาก ซื้อหามาลองชิมต่างชมว่าแปลกตาและอร่อยมาก ที่สำคัญไม่เคยเห็นมาก่อน ถูกมากๆๆ หากไม่มีการอนุรักษ์ไว้เชื่อว่าอีกไม่นาน “ข้าวโป่ง”จะหายไปจากวิถีชีวิตของคนอีสานอย่างแน่นอน





1.
ยูร กมลเสรีรัตน์. ขนมอีวสาน.
เมื่อวันวาร. วัฒนธรรมไทย. 36 (4): 42-43, มกราคม 2542
2. รัตนาพรหมพิชัย. (2542). เข้าควบ. ใน สารานุกรมวัฒนธรรมไทย
ภาคเหนืออ(เล่ม 2, หน้า 809). กรุงเทพฯ:มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์.
3. www.m-culture.in.th/.../ข้าวโป่งขนมโบราณพื้นบ้านอีสานบ้านหนองข...
ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม “ข้าวโป่ง:ขนมโบราณพื้นบ้านอีสาน(บ้านหนองขาม)”
4.
หนังสือพืชกินได้ในป่าสะแกราช. (สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
(วว.)).
“ตดหมูตดหมา”. หน้า 113-114.
----------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น